“เส้นทางแสงหิมะโอตารุ” อันเป็นสัญลักษณ์ของฤดูหนาวในโอตารุ มีกำหนดจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ ปี 2022 หลังไม่ได้จัดมา 2 ปี เนื่องจากเคยถูกระงับไปเพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จึงจัดงานสั้นลงกว่าทุกปีเหลือ 3 วัน ทางคณะกรรมการผู้จัดการตัดสินใจจัดงานแบบลดระยะเวลาเพราะ “อยากฟื้นฟูจำนวนนักท่องเที่ยวในฤดูหนาวที่เคยหยุดชะงักไปเพราะภัยร้ายจากเชื้อไวรัสโคโรนา” สายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” กำลังแพร่ระบาดทั่วโลกด้วย คณะกรรมการผู้จัดงานจึงรอดูสถานการณ์หลังจากนี้ แล้วค่อยกำหนดขนาดงานให้แน่ชัดอีกทีในช่วงครึ่งหลังของเดือนมกราคม ปี 2022

คณะกรรมการผู้จัดงานกำหนดเนื้อหาโดยสังเขปแล้วในการประชุมรอบที่ 1 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม จะมีการจัดงานเฉพาะแถวคลองโอตารุ และไม่จัดที่ทางรถไฟเทมิยะเก่าซึ่งเดิมเป็นสถานที่จัดงานหลักและบ่อน้ำพุร้อนอาซาริงาวะ พิจารณาจะใช้พื้นที่ขนาดเล็กสำหรับถ่ายทอดสดทางออนไลน์เป็นหลัก รวมทั้งจะไม่ตั้งอุโมงค์หิมะกับกระดานลื่นซึ่งเคยเป็นไฮไลท์ที่สถานจัดงานแถวทางรถไฟเทมิยะเก่าด้วย เชื้อไวรัสโคโรนาทำให้อาสาสมัครชาวเกาหลีและชาติอื่นๆ เข้าประเทศญี่ปุ่นได้ยาก ส่งผลให้มีแรงงานไม่พอ ซึ่งนั่นคือสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ลดขนาดงานด้วย

ขณะเดียวกันก็มีแผนงานใหม่ที่ตั้งชื่อให้ชาวเมืองเป็น “มนุษย์แสง” โดยจะแจก “เทียนพิธีการ” ให้ชาวเมืองแบบจำกัดจำนวน 1 หมื่นคน เพื่อให้ช่วยกันจุดตามบ้านตัวเอง สมาคมใกล้บ้าน และย่านการค้า ทุกปีจะมี “ศูนย์รวมเส้นทางแห่งแสง” ซึ่งตั้งไว้ตามแต่ละพื้นที่ในเมืองเพื่อคอยดึงดูดผู้คนให้ร่วมกิจกรรม

จำนวนเป้าหมายของเทียนที่จะแจกจ่ายคือ 1 แสนเล่ม เงินทุน 1.5 แสนเยนสำหรับ 3 หมื่นเล่มในบรรดานั้นมีแผนจะรับบริจาคทางคราวด์ฟันดิง โดยจะให้ของขวัญตอบแทนเป็นโคม “ชามขี้ผึ้ง” ซึ่งผลิตจากเทียนและบริการจัดพิธีแต่งงาน “เอเทอร์นัล สโนว์ เวดดิง” ซึ่งเคยจัดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021 ที่คลองด้วย

คุณไซโจ ฟุมิยูกิ ประธานคณะกรรมการผู้จัดงาน กล่าวด้วยความคาดหวังว่า “งานเทศกาลหิมะซัปโปโรก็จะจัด น่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนโอตารุมากพอสมควร กรณีมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินก็ต้องว่ากันอีกเรื่อง แต่เราอยากจัดงานเพื่อประชาสัมพันธ์โอตารุและสร้างความยินดีให้นักท่องเที่ยว”

เส้นทางแสงหิมะเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1999 เป็นอีเวนต์จุดเทียนบนหิมะและเชิงเทียนน้ำแข็ง ผู้มาร่วมงานครั้งแรกมี 180,000คน ส่วนครั้งที่ 10 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปี 2008 มีผู้มาร่วมงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์คือ 575,000 คน ส่วนครั้งที่ 22 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 มีผู้มาร่วมงาน 315,200 คน